การทำแท้งด้วยยาคืออะไร ?
การทำแท้งด้วยยาคือการใช้ยาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ แทนที่การใช้เครื่องมือทำแท้งชนิดต่างๆ อาจเป็นการใช้ยา 1 ชนิดหรือ 2 ชนิดร่วมกัน ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์
กลไกการทำงานของยาทำแท้งชนิดกิน RU486
RU486 (Mifepristone) ออกฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของโปรเจสเทอโรน ทำให้เกิดผลดังนี้
- เยื่อบุโพรงมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงและหลุดลอกตัว
- ปากมดลูกนุ่มและเปิดออก
- เพิ่มความไว (Sensitivity) ของมดลูกต่อยาไซโตเทค(Cytotec)
กลไกการทำงานของ cytotec (Misoprostol)
ไซโตเทคทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวรุนแรงจนเกิดการแท้ง อาจใช้เป็นยาทำแท้งเดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับ RU486 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำแท้ง
ไซโตเทคใช้เป็นยาทำแท้งได้โดยวิธีเหน็บช่องคลอด อมใต้ลิ้นหรืออมในกระพุ้งแก้ม ซึ่งทั้ง 3 วิธีได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจใกล้เคียงกัน
การใช้ยาทำแท้ง 2 ชนิดร่วมกัน (อาร์ยู486+ไซโตเทค)
สามารถใช้ทำแท้งได้ผลดีในอายุครรภ์ไม่เกิน 9 สัปดาห์ โดยทำให้เกิดการแท้งสมบูรณ์ 95-98 % (90% แท้งภายใน 24ชั่วโมงหลังใช้ไซโตเทค) มีเพียงส่วนน้อยที่เกิดการแท้งไม่สมบูรณ์และจำเป็นต้องขูดมดลูก ซึ่งพบน้อยกว่า 1% ของผู้ใช้ยาที่ยังคงตั้งครรภ์ต่อ (ยาใช้ไม่ได้ผล)
ขั้นตอนการใช้ยาทำแท้ง
อายุครรภ์ไม่เกิน 9 สัปดาห์
1. กินยา RU486 1เม็ด
2. อีก 36 ชั่วโมงต่อมา สอดยาไซโตเทคทางช่องคลอดครั้งละ 2 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง หรือ อมไซโตเทค 4 เม็ดใต้ลิ้น ต่อด้วยอมไซโตเทค 2 เม็ดใต้ลิ้นในอีก 4 ชั่วโมงถัดมา
อายุครรภ์มากกว่า 9 สัปดาห์
แนะนำใช้ยาสอดไซโตเทคเพียงชนิดเดียว โดยสอดช่องคลอดครั้งละ 2 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง รายงานของ WHO พบแท้งสำเร็จ 90%
อาการขณะใช้ยาทำแท้ง
หลังกินยา RU486 อาจมีเลือดออกบ้างหรือไม่มีเลือดออกก็ได้ ภายหลังใช้ยาไซโตเทคจะเริ่มปวดท้องน้อย มีเลือดออกทางช่องคลอด ปนลิ่มเลือด ขณะแท้งจะปวดแรง เลือดออกมากกว่าประจำเดือน อาจเห็นถุงน้ำคร่ำหลุดออกมาหรือเนื้อเยื่อรกสีขาวๆหรือเห็นตัวอ่อนได้ในบางราย หลังแท้งอาการปวดทุเลา
อาการข้างเคียงจากการใช้ยา
สตรีที่ตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์โดยการใช้ยา ควรเข้าใจถึงขบวนการแท้งที่เกิดจากการใช้ยา รวมทั้งอาการและอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ปวด คลื่นไส้ ถ่ายเหลว ไข้หนาวสั่น รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้บ้าง เช่น แท้งไม่ครบ , ตั้งครรภ์ต่อ
|